วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2554

คำสรรพนาม

       คำสรรพนาม คือ คำที่ใช้แทนนามในประโยคสื่อสาร เราใช้คำสรรพนามเพื่อไม่ต้องกล่าวคำนามซ้ำ ๆ
หน้าที่ของคำสรรพนาม
         ๑. ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค เช่น ใครมา แกมาจากไหน นั่นของฉันนะ เป็นต้น
         ๒. ทำหน้าที่เป็น กรรม ของประโยค เช่น เธอดูนี่สิ สวยไหม เป็นต้น
         ๓. ทำหน้าที่เป็นส่วนเติมเต็ม เช่น เสื้อของฉันคือนี่ สีฟ้าใสเห็นไหม เป็นต้น
         ๔. ทำหน้าที่ตามหลัง บุพบท เช่น เธอเรียนที่ไหน เป็นต้น
         คำสรรพนาม คือคำที่ใช้แทนคำนาม แบ่งเป็น ๖ ชนิดคือ
         ๑. บุรุษสรรพนาม
         ๒. ประพันธสรรพนาม
         ๓. นิยมสรรพนาม
         ๔. อนิยมสรรพนาม
         ๕. ปฤจฉาสรรพนาม
         ๖. วิภาคสรรพนาม

         ๑. สรรพนามที่ใช้ในการพูด (บุรุษสรรพนาม) เป็นสรรพนามที่ใช้ในการพูดจา สื่อสารกัน ระหว่างผู้ส่งสาร (ผู้พูด) ผู้รับสาร (ผู้ฟัง) และผู้ที่เรากล่าวถึง มี ๓ ชนิด ดังนี้
         สรรพนามบุรุษที่ ๑ ใช้แทนผู้ส่งสาร (ผู้พูด) เช่น ฉัน ดิฉัน ผม ข้าพเจ้า เรา หนู เป็นต้น
         สรรพนามบุรุษที่ ๒ ใช้แทนผู้รับสาร (ผู้ที่พูดด้วย) เช่น ท่าน คุณ เธอ แก ใต้เท้า เป็นต้น
         สรรพนามบุรุษที่ ๓ ใช้แทนผู้ที่กล่าวถึง เช่น ท่าน เขา มัน เธอ แก เป็นต้น
         ๒. สรรพนามที่ใช้เชื่อมประโยค (ประพันธสรรพนาม) คือ คำสรรพนามนี้ใช้แทนนามหรือสรรพนามที่อยู่ข้างหน้าและต้องการจะกล่าวซ้ำอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ยังใช้เชื่อมประโยคสองประโยคเข้าด้วยกัน ตัวอย่างเช่น
บ้าน “ที่” ทาสีขาวเป็นบ้านของเธอ
คน “ที่” ออกกำลังกายอยู่เสมอ ร่างกายมักแข็งแรง
เกาหลีใต้ “ซึ่ง” เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกกำลังมีชื่อเสียง ไปทั่วโลก
ศีล “อัน” พึงปฏิบัติคือศีลห้า
         ๓. สรรพนามชี้เฉพาะ (นิยมสรรพนาม) เป็นสรรพนามที่ใช้แทนคำนามที่กล่าวถึงที่อยู่ เพื่อระบุให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และกำหนดความให้รู้แน่นอน ได้แก่คำว่า นี่ นั่น โน่น โน้น ตัวอย่างเช่น
นี่เป็นหนังสือที่ได้รับรางวัลซีไรต์ในปีนี้
นั่นรถจักรายานยนต์ของเธอ
นี่ เป็นเพื่อนฉัน
นั่น อะไรนะ
โน่น แน่ะของเธอละ
ของเธออยู่ที่ นี้'
         ๔. สรรพนามบอกความไม่เจาะจง (อนิยมสรรพนาม) คือ สรรพนามที่ใช้แทนนามที่กล่าวถึงโดยไม่ต้องการคำตอบ ได้แก่สรรพนามที่แทนสิ่งที่ไม่ทราบและไม่ได้กล่าวในเชิงถามหรือสงสัย ไม่ชี้เฉพาะเจาะจงลงไป ได้แก่คำว่า ใคร อะไร ที่ไหน ผู้ใด สิ่งใด ใครๆ อะไรๆๆ ใดๆ ตัวอย่างเช่น
ใคร ๆ ก็พูดเช่นนั้น
ใครก็ได้ช่วยชงกาแฟให้หน่อย
ใด ๆ ในโลกล้วนอนิจจัง
ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้
ใคร ขยันก็สอบไล่ได้ เขาเป็นคนที่ไม่สนใจ อะไร
         ๕. สรรพนามที่เป็นคำถาม (ปฤจฉาสรรพนาม) คือ สรรพนามที่ใช้แทนนามเป็นการถามที่ต้องการคำตอบ ได้แก่คำว่า ใคร อะไร ไหน ผู้ใด ตัวอย่างเช่น
ใครหยิบหนังสือบนโต๊ะไป
อะไรวางอยู่บนเก้าอี้
ไหนปากกาของฉัน
ผู้ใดเป็นคนรับโทรศัพท์
ใคร อยู่ที่นั่น
อะไร เสียหายบ้าง
ไหน ล่ะโรงเรียนของเธอ
         ๖. สรรพนามบอกความชี้ซ้ำ (วิภาคสรรพนาม) เป็นสรรพนามที่ใช้แทนคำนามที่อยู่ข้างหน้า เมื่อต้องการเอ่ยซ้ำ โดยที่ไม่ต้องเอ่ยนามนั้นซ้ำอีก และเพื่อแสดงความหมายแยกออกเป็นส่วน ๆ ได้แก่คำว่า บ้าง ต่าง กัน ตัวอย่างเช่น
นักศึกษาต่างแสดงความคิดเห็น
สตรีกลุ่มนั้นทักทายกัน
นักกีฬาตัวน้อยบ้างก็วิ่งบ้างก็กระโดดด้วยความสนุกสนาน
นักเรียน ต่าง ก็อ่านหนังสือ
เขาตี กัน
นักเรียน บ้าง ก็เรียน บ้าง ก็เล่น

         นอกจากนี้ยังมีสรรพนามที่เน้นตามความรู้สึกของผู้พูด สรรพนามชนิดนี้ใช้หลักคำนามเพื่อบอกความรู้สึกของผู้พูดที่มีต่อบุคคลที่กล่าวถึง ตัวอย่างเช่น
คุณพ่อท่านเป็นคนอารมณ์ดี (บอกความรู้สึกยกย่อง)
คุณจิตติมาเธอเป็นคนอย่างงี้แหละ (บอกความรู้สึกธรรมดา)
ที่มา : คลังปัญญาไทย

ประลองยุทธ
คำชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว
๑. ข้อใดเป็นสรรพนามบุรุษที่๒
   ก. ทูลกระหม่อม
   ข. พระองค์ท่าน
   ค. เกล้ากระหม่อม
   ง. ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
๒. คำสรรพนามแบ่งเป็นกี่ชนิด
   ก. ๓ ชนิด
   ข. ๔ ชนิด
   ค. ๕ ชนิด
   ง. ๖ ชนิด
๓. ข้อใดเป็นนิยมสรรพนาม
   ก. ท่านจะไปไหนดี
   ข. นี่หนังสือของฉัน
   ค. เธอทราบอะไรมาบ้าง
   ง. ฉันไม่เห็นใครเลย
๔. ข้อใดเป็นวิภาคสรรพนาม
   ก. สรรพนามที่ไม่เจาะจง
   ข. สรรพนาม
   ค. สรรพนามบอกความชี้ซ้ำ
   ง. สรรพนามใช้เชื่อมประโยค
๕. ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของสรรพนามคืออะไร
   ก. แทนคำนาม
   ข. แทนคำกริยา
   ค. แทนคำอุทาน
   ง. แทนคำสันธาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น