วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2555
เมื่อตะวันขึ้นชีวิตต้องขึ้นตามตะวัน
การเดินทางไปโรงเรียนยามเช้าอากาศสดชื่นมาก บรรยากาศสุดจะบรรยายจึงเก็บภาพมาฝากให้ดูกันเพลิน ๆ เพื่อเป็นคติเตือนจิตเตือนใจว่าดวงอาทิตย์มีดวงเดียว ไม่ว่าคุณจะอยู่แห่งไหนในโลกใบนี้ก็เป็นดวงอาทิตย์ดวงเดียวกัน หากแต่ต่างกันตรงสภาพภูมิประเทศ สภาพของการเวลา ดังนั้น ควรตระหนักเสมอว่าเมื่อมีอาทิตย์ตกก็มีอาทิตย์ขึ้น เปรียบเสมือนชีวิตมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม เมื่อมีลาภก็เสื่อมลาภ เมื่อมียศก็เสื่อมยศ เมื่อมีรวยก็มีจน เมื่อมีจนก็มีรวย เหมือนเหรียญที่มีสองหน้าเสมอ จะแตกต่างกันก็ที่วิธีคิด วิธีดำเนินชีวิตเท่านั้นว่าจะเป็นปราชญ์ให้กับตัวเองได้ดีแค่ไหน ก็ขอให้ทุกสรรพชีวิตในโลกใบนี้มีวิธีคิดที่ยึดมั่นทางเดินที่ดีก็แล้วกัน
ไตรยางศ์ หรืออักษร ๓ หมู่
ไตรยางศ์ หรืออักษร ๓ หมู่ การแบ่งพยัญชนะ ๔๔ ตัวออกเป็น ๓ หมวดหมู่ โดยถือเอาพื้นเสียงที่ยังไม่ผันวรรณยุกต์ ดังนี้
ตารางเปรียบเทียบ อักษรต่ำคู่ ๑๔ ตัว กับ อักษรสูง ๑๑ ตัวโดยการจัดตามสำเนียงที่เกิดจากฐานเสียงเดียวกัน
อักษรสูง | อักษรต่ำคู่ |
ข ฃ | ค ฅ ฆ |
ฉ | ช ฌ |
ศ ษ ส | ซ |
ฐถ | ฑ ฒ ท ธ |
ผ | พ ภ |
ฝ | ฟ |
ห | ฮ |
๑. อักษรสูง มี ๑๑ ตัว คือ ข ฃ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ศ ห (ฉันฝากขวดขี้ผึ้งใส่ถุงให้เศรษฐี)
๒. อักษรกลาง มี ๙ ตัว ก จ ด ต บ ป อ ฎ ฏ (ไก่จิกเด็กตายบนปากโอ่ง ฎ ฏ)
๓.อักษรต่ำ มี ๒๔ ตัวแบ่งเป็น
- อักษรต่ำคู่ มี ๑๔ ตัว คือ ค ฅ ฆ ช ซ ฌ ฑ ฒ ท ธ พ ฟ ภ ฮ (พ่อค้าฟันทองซื้อช้างฮ่อ ฅ ฆ ฌ ฑ ฒ ธ ภ)
- อักษรต่ำเดี่ยว มี ๑๐ ตัว คือ ง ญ น ย ณ ร ว ม ฬ ล (งูใหญ่นอนอยู่ ณ ริมวัดโมฬีโลก)
วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555
ตั้งแต่ปีใหม่2555ถึงวันเด็ก
วันแห่งความสุข หนีไม่พ้นวันขึ้นปีใหม่ และวันเด็ก ยังจำได้ว่าเมื่อตัวเองเป็นเด็กก็มีความสุขเช่นกัน ปีใหม่ปีสองพันห้าร้อยห้าสิบห้าเขาว่าเป็นปีแห่งความสุขเพราะเสียงที่ออกเป็นห้าห้า (ฮ้าฮ้าคือเสียงหัวเราะมั๊ง) จะมีความสุขหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการทำตัวหรือการประพฤติตัวถ้าไปในแนวทางที่ดี ก็ได้รับความสุขแต่ถ้าทำตัวไปในทางที่ไม่ดีก็จะได้รับความทุกข์ จะสุขหรือทุกข์ก็อยู่ที่การกระทำของแต่ละคน เลือกเอาเองก็แล้วกันว่าอยากมีความสุขหรือมีความทุกข์
ต่อไปนี้เป็นภาพกิจกรรมของความสุขของเด็ก ๆ ที่อยู่ในวัยใส ๆ ไร้เดียงสา น่าชื่นใจมองทีไรสบายตาสบายใจจริง ๆ
ต่อไปนี้เป็นภาพกิจกรรมของความสุขของเด็ก ๆ ที่อยู่ในวัยใส ๆ ไร้เดียงสา น่าชื่นใจมองทีไรสบายตาสบายใจจริง ๆ
วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554
ภาพ ส.ค.ส. ของพระเจ้าอยู่หัว
รวม ส.ค.ส. พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทย
ในทุก ๆ เทศกาลปีใหม่ เราทุกคนมักจะมอบความสุข ของขวัญ รวมไปถึงคำอวยพรดี ๆ ให้กับคนที่เรารัก แต่สำหรับชาวไทยทุกคน คงไม่มีของขวัญ หรือคำอวยพรใดที่ยิ่งใหญ่กว่า "พรที่ได้รับจากในหลวง" หรือ ส.ค.ส.พระราชทาน จากในหลวง และถือว่า ปวงชนชาวไทยนั้นโชคดีเป็นอย่างมาก ที่พระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่ง ได้มอบบัตรส่งความสุข หรือ ส.ค.ส. พระราชทานให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่คนไทยทุกปีมาโดยตลอด


ในทุก ๆ เทศกาลปีใหม่ เราทุกคนมักจะมอบความสุข ของขวัญ รวมไปถึงคำอวยพรดี ๆ ให้กับคนที่เรารัก แต่สำหรับชาวไทยทุกคน คงไม่มีของขวัญ หรือคำอวยพรใดที่ยิ่งใหญ่กว่า "พรที่ได้รับจากในหลวง" หรือ ส.ค.ส.พระราชทาน จากในหลวง และถือว่า ปวงชนชาวไทยนั้นโชคดีเป็นอย่างมาก ที่พระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่ง ได้มอบบัตรส่งความสุข หรือ ส.ค.ส. พระราชทานให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่คนไทยทุกปีมาโดยตลอด
ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2555

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2554

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2553

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2552

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2551

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2550

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2549

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2547

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2546

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2545

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2544

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2543

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2542

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2541

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2540

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2539

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2538

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2537

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2536

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2535

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2534

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2533

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2532

ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2531


ส.ค.ส. พระราชทาน ปี พ.ศ. 2530
คำวิเศษณ์
คำวิเศษณ์ คือ คำที่ใช้ขยายคำอื่น เป็นการเพิ่มความหมายขึ้น เช่น บอกลักษณะ คุณภาพ
ปริมาณ จำนวน เวลา สถานที่
ตัวอย่าง
คำวิเศษณ์ขยายคำนาม ตึกใหญ่อยู่ปลายเนิน
ผักสดอยู่ในตะกร้า
บ้านสามหลังสีเขียว
คำวิเศษณ์ขยายคำสรรพนาม เขาเองบอกกับฉัน
ใครหนอเอาหนังสือไป
คำวิเศษณ์ขยายคำกริยา พี่เดินหน้า น้องเดินหลัง
นกเขาขันเพราะ
โรงเรียนเลิกค่ำ
คำวิเศษณ์ขยายคำวิเศษณ์ ครูอธิบายดีมาก
ในภาษาไทย คำวิเศษณ์ที่ใช้ขยายคำใด มักมีตำแหน่งตามหลังคำนั้น
ตัวอย่างลงพัดแรง
คนสูงได้เปรียบคนเตี้ย
คนกินจุไม่อ้วนเสมอไป
แต่บางกรณีอาจใช้คำวิเศษณ์มาข้างหน้าคำที่ขยาย
ตัวอย่าง
มากหมอมากความ
น้อยคนนักไม่เห็นแก่ลาภยศ
ทุกวันพระเขาจะพาลูกไปวัด
ข้อควรสังเกต
๑. คำบางคำอาจทำหน้าที่เป็นคำวิเศษณ์ และในบางโอกาสทำหน้าที่เป็นคำกริยาสำคัญใน
ประโยค
ตัวอย่างวิเศษณ์ กริยา
อย่าซื้อสินค้าแพงเลย ราคาสินค้าแพงขึ้นทุกวัน
พี่ชายเรียนสูงกว่าน้องชายใช่ไหม พี่ชายสูงกว่าน้องชายใช่ไหม
เราควรเชื่อผู้ที่รู้ดีกว่าเรา เราต้องดีต่อผู้ที่รู้น้อยกว่าเรา
๒. คำนามบางคำ อาจทำหน้าที่ขยายคำอื่นได้ ซึ่งในกรณีนี้ถือว่าคำนามคำนั้น ทำหน้าที่
คำวิเศษณ์
ตัวอย่าง
คนป่าอยู่ในป่า
สัตว์น้ำเป็นอาหารสำคัญของมนุษย์
ลมทะเลมีความชื้นสูง
๓. ในการเรียงคำเข้าประโยคในภาษาไทย ส่วนใหญ่เรามักให้ส่วนขยายตามหลังคำที่ขยาย
ตัวอย่างคนป่า สัตว์น้ำ พี่เดินหน้า ครูอธิบายดีมาก
แต่บางคำเราใช้ไว้ข้างหน้าคำที่ขยาย
ตัวอย่าง
เขาเป็นคนสูงศักดิ์
เขาไม่ป่วย
สามสาวเดินทางไปประกวดความงาม
ร้านนี้ขายอาหารเลิศรส
ภาษาไทยเป็นมรดกล้ำค่า
ถึงร้อยรสบุปผาสุมาลัย จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่มีเลย
วันทองเป็นหญิงสองใจจริงหรือ
สี่สหายหัวเราะอย่างร่าเริง
ที่มา : กรมวิชาการ หลักภาษาไทย
ปริมาณ จำนวน เวลา สถานที่
ตัวอย่าง
คำวิเศษณ์ขยายคำนาม ตึกใหญ่อยู่ปลายเนิน
ผักสดอยู่ในตะกร้า
บ้านสามหลังสีเขียว
คำวิเศษณ์ขยายคำสรรพนาม เขาเองบอกกับฉัน
ใครหนอเอาหนังสือไป
คำวิเศษณ์ขยายคำกริยา พี่เดินหน้า น้องเดินหลัง
นกเขาขันเพราะ
โรงเรียนเลิกค่ำ
คำวิเศษณ์ขยายคำวิเศษณ์ ครูอธิบายดีมาก
ในภาษาไทย คำวิเศษณ์ที่ใช้ขยายคำใด มักมีตำแหน่งตามหลังคำนั้น
ตัวอย่างลงพัดแรง
คนสูงได้เปรียบคนเตี้ย
คนกินจุไม่อ้วนเสมอไป
แต่บางกรณีอาจใช้คำวิเศษณ์มาข้างหน้าคำที่ขยาย
ตัวอย่าง
มากหมอมากความ
น้อยคนนักไม่เห็นแก่ลาภยศ
ทุกวันพระเขาจะพาลูกไปวัด
ข้อควรสังเกต
๑. คำบางคำอาจทำหน้าที่เป็นคำวิเศษณ์ และในบางโอกาสทำหน้าที่เป็นคำกริยาสำคัญใน
ประโยค
ตัวอย่างวิเศษณ์ กริยา
อย่าซื้อสินค้าแพงเลย ราคาสินค้าแพงขึ้นทุกวัน
พี่ชายเรียนสูงกว่าน้องชายใช่ไหม พี่ชายสูงกว่าน้องชายใช่ไหม
เราควรเชื่อผู้ที่รู้ดีกว่าเรา เราต้องดีต่อผู้ที่รู้น้อยกว่าเรา
๒. คำนามบางคำ อาจทำหน้าที่ขยายคำอื่นได้ ซึ่งในกรณีนี้ถือว่าคำนามคำนั้น ทำหน้าที่
คำวิเศษณ์
ตัวอย่าง
คนป่าอยู่ในป่า
สัตว์น้ำเป็นอาหารสำคัญของมนุษย์
ลมทะเลมีความชื้นสูง
๓. ในการเรียงคำเข้าประโยคในภาษาไทย ส่วนใหญ่เรามักให้ส่วนขยายตามหลังคำที่ขยาย
ตัวอย่างคนป่า สัตว์น้ำ พี่เดินหน้า ครูอธิบายดีมาก
แต่บางคำเราใช้ไว้ข้างหน้าคำที่ขยาย
ตัวอย่าง
เขาเป็นคนสูงศักดิ์
เขาไม่ป่วย
สามสาวเดินทางไปประกวดความงาม
ร้านนี้ขายอาหารเลิศรส
ภาษาไทยเป็นมรดกล้ำค่า
ถึงร้อยรสบุปผาสุมาลัย จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่มีเลย
วันทองเป็นหญิงสองใจจริงหรือ
สี่สหายหัวเราะอย่างร่าเริง
ที่มา : กรมวิชาการ หลักภาษาไทย
คำอุทาน
คำอุทาน คือ คำที่เปล่งออกมาเพื่อแสดงอารมณ์หรือความรู้สึกของผู้พูด มักจะเป็นคำที่ไม่มีความหมาย แต่เน้นความรู้สึก และอารมณ์ของผู้พูด
เสียงที่เปล่งออกมาเป็นคำอุทานนี้ แบ่งเป็น 3 ลักษณะ
1. อุทานบอกอาการ ใช้เปล่งเสียงเพื่อบอกอาการและความรู้สึกต่าง ๆ ของผู้พูด อุทานบอกอาการ อาจจะอุทานแสดงความเข้าใจ ตกใจ โกรท เจ็บ ตื่นเต้น สงสัย เช่น อ๋อ วุ้ย ต๊ายตาย ไฮ้ เช่น อุ๊ย เจ็บจริง
คำอุทานบอกอาการนี้ รวมทั้งที่แทรกอยู่ในคำประพันธ์ต่าง ๆ โดยมากก็เป็นคำสร้อย เช่น เฮย แฮ เอย นอ ร้องเรียก หรือบอกเพื่อให้รู้สึกตัว เช่น แน่น เฮ้ โว้ย เป็นต้น ตัวอย่างของอุทานบอกอาการ
เช่น แขนแมน เสื่อสาด โต๊ะเต๊อะ จานเจิน ไม่รู้ไม่ชี้ พระสงฆ์องค์เจ้า โรงร่ำโรงเรียน ร้องห่มร้องไห้ เป็นต้น
ตัวอย่างของอุทานเสริมบท เช่น
เสียงที่เปล่งออกมาเป็นคำอุทานนี้ แบ่งเป็น 3 ลักษณะ
- เป็นคำ เช่น โอ๊ย ว้าย แหม โถ เป็นต้น
- เป็นวลี เช่น พุทโธ่เอ๋ย คุณพระช่วย ตายละว้า เป็นต้น
- เป็นประโยค เช่น ไฟไหมเจ้าข้า ป้าถูกรถชน เป็นต้น
1. อุทานบอกอาการ ใช้เปล่งเสียงเพื่อบอกอาการและความรู้สึกต่าง ๆ ของผู้พูด อุทานบอกอาการ อาจจะอุทานแสดงความเข้าใจ ตกใจ โกรท เจ็บ ตื่นเต้น สงสัย เช่น อ๋อ วุ้ย ต๊ายตาย ไฮ้ เช่น อุ๊ย เจ็บจริง
คำอุทานบอกอาการนี้ รวมทั้งที่แทรกอยู่ในคำประพันธ์ต่าง ๆ โดยมากก็เป็นคำสร้อย เช่น เฮย แฮ เอย นอ ร้องเรียก หรือบอกเพื่อให้รู้สึกตัว เช่น แน่น เฮ้ โว้ย เป็นต้น ตัวอย่างของอุทานบอกอาการ
- โกรธเคือง เช่น ชิชะ ดูดู๋ เป็นต้น
- ตกใจ เช่น ตายจริง ว้าย เป็นต้น
- สงสาร เช่น อนิจจา โถ เป็นต้น
- โล่งใจ เช่น เฮ้อ เฮอ เป็นต้น
- ขุ่นเคือง เช่น อุวะ แล้วกัน เป็นต้น
- ทักท้วง เช่น ฮ้า ไฮ้ เป็นต้น
- เยาะเย้ย เช่น หนอย ชะ เป็นต้น
- ประหม่า เช่น เอ้อ อ้า เป็นต้น
- ชักชวน เช่น นะ น่า เป็นต้น
เช่น แขนแมน เสื่อสาด โต๊ะเต๊อะ จานเจิน ไม่รู้ไม่ชี้ พระสงฆ์องค์เจ้า โรงร่ำโรงเรียน ร้องห่มร้องไห้ เป็นต้น
ตัวอย่างของอุทานเสริมบท เช่น
- อาบน้ำอาบท่า ลืมหูลืมตา กินน้ำกินท่า
- ถ้าเนื้อความมีความหมายในทางเดียวกัน เช่น ไม่ดูไม่แล ร้องรำทำเพลง เราเรียกคำเหล่านี้ว่า คำซ้อน
คำสันธาน
คำสันธาน คือ คำที่ทำหน้าที่เชื่อมคำกับคำ ประโยคกับประโยค ข้อความกับข้อความ เพื่อแสดงความคล้อยตาม ความขัดแย้งเหตุผล หรือเชื่อมความให้สละสลวย หน้าที่ของคำสันธาน
๑. เชื่อมคำกับคำ
๑. เชื่อมใจความที่คล้อยตามกัน ได้แก่คำว่า กับ , และ , ทั้ง…และ ,ทั้ง…ก็ , ครั้น…จึง , พอ…ก็ ฯลฯ
๑. คำสันธานบางคำใช้เข้าคู่กัน เช่น ไม่…ก็ , กว่า…ก็ , เพราะ…จึง , ถึง…ก็ , แม้…ก็ เป็นต้น
๒. คำสันธานอาจอยู่ในตำแหน่งต่างๆในประโยคก็ได้ เช่น
๔. คำบางคำเป็นได้ทั้งคำสันธานและคำบุพบท เช่น คำว่า “เมื่อ” ให้พิจารณาว่าถ้าสามารถแยกเป็น ๒ ประโยคได้ก็เป็นคำสันธาน เช่น “เมื่อ ๑๖ นาฬิกา อาร์ทได้ออกจากโรงเรียนไปแล้ว” ( เป็นคำบุพบท ) “เมื่อเราได้ยินเสียงระฆัง หมวยได้ออกจากโรงเรียนไปแล้ว” ( เป็นคำสันธาน )
เป็นต้น
๕. คำว่า “ให้” เมื่อนำมาใช้เชื่อมประโยคก็จัดเป็นคำสันธาน เช่น “เขาทำท่าตลกให้เด็กหยุดร้องไห้” เป็นต้น
๖. คำว่า “ว่า” เมื่อนำมาใช้เชื่อมระหว่างประโยคก็จัดเป็นคำสันธาน เช่น “หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่ามีการกวาดล้างพวกมิจฉาชีพครั้งใหญ่” เป็นต้น
๗. คำประพันธสรรพนามหรือคำสรรพนามเชื่อมประโยค คือ คำว่า “ผู้ ที่ ซึ่ง อัน” จัดเป็นคำสันธานด้วย
๑. เชื่อมคำกับคำ
- ผักกาดและหัวหอมเป็นพืชสวนครัว
- เธอชอบสีแดงหรือสีส้ม
- การส่งเสียงดังในห้องสมุดเป็นการกระทำที่ไม่ดีรบกวนผู้อื่นเพราะฉะนั้นจึงต้องมีกฎห้ามส่งเสียงดังติดประกาศไว้
- คนเราต้องการอาหาร เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรคด้วยเหตุนี้เราจึงจำเป็นต้องประกอบอาชีพเพื่อให้ได้เงินมาซื้อสิ่งจำเป็นเหล่านี้
- พี่เป็นคนขยันแต่น้องเกียจคร้านมาก
- เราหวงแหนแผ่นดินไทยอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเรา
- คนเราก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้างเป็นธรรมดา
- ฉันก็เป็นคนจริงคนหนึ่งเหมือนกัน
๑. เชื่อมใจความที่คล้อยตามกัน ได้แก่คำว่า กับ , และ , ทั้ง…และ ,ทั้ง…ก็ , ครั้น…จึง , พอ…ก็ ฯลฯ
- ภราดรและแทมมี่เป็นนักกีฬาที่มีความสามารถ
- พอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าฝูงนกก็บินกลับรัง
- ภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้งผู้กำกับและนักแสดงได้รับค่าตอบแทนสูง
- พอเขากล่าวปาฐกถาทุกคนก็ตั้งใจฟัง
- ป่าไม้หมดไปโลกจึงเกิดความแห้งแล้ง
- เขาพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง เนื่องจากฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ
- สังคมมุ่งพัฒนาด้านวัตถุแต่ด้านจิตใจขาดการสนใจ
- ถึงฉันจะลำบาก ฉันก็ไม่ยอมทำชั่วเป็นอันขาด
- แม้เขาจะมีร่างกายไม่แข็งแรง เขาก็มีจิตใจแข็งแกร่ง
- โรงเรียนในเมืองหรือในชนบทต้องการอาจารย์ผู้มีความรู้
- ง่วงก็นอนเสียหรือไม่ก็ลุกขึ้นไปล้างหน้า
- ไม่วันเสาร์ก็วันอาทิตย์เจนจะมาบ้านเรา
๑. คำสันธานบางคำใช้เข้าคู่กัน เช่น ไม่…ก็ , กว่า…ก็ , เพราะ…จึง , ถึง…ก็ , แม้…ก็ เป็นต้น
๒. คำสันธานอาจอยู่ในตำแหน่งต่างๆในประโยคก็ได้ เช่น
- อยู่ระหว่างคำ : อีฟชอบสีม่วงและสีขาว
- อยู่หลังคำ : คนก็ดี สัตว์ก็ดี รักชีวิตด้วยกันทั้งนั้น
- อยู่คร่อมคำ : ถึงเป็นเพื่อนก็อย่าวางใจ
- อยู่ระหว่างประโยค : ตูนจะดื่มน้ำส้มหรือดื่มนม
- อยู่หลังประโยค : เราจะทำบุญก็ตาม บาปก็ตาม ควรคิดถึงผลกรรม
- อยู่คร่อมประโยค : แม้เต้จะกินมากแต่เต้ก็ไม่อ้วน
๔. คำบางคำเป็นได้ทั้งคำสันธานและคำบุพบท เช่น คำว่า “เมื่อ” ให้พิจารณาว่าถ้าสามารถแยกเป็น ๒ ประโยคได้ก็เป็นคำสันธาน เช่น “เมื่อ ๑๖ นาฬิกา อาร์ทได้ออกจากโรงเรียนไปแล้ว” ( เป็นคำบุพบท ) “เมื่อเราได้ยินเสียงระฆัง หมวยได้ออกจากโรงเรียนไปแล้ว” ( เป็นคำสันธาน )
เป็นต้น
๕. คำว่า “ให้” เมื่อนำมาใช้เชื่อมประโยคก็จัดเป็นคำสันธาน เช่น “เขาทำท่าตลกให้เด็กหยุดร้องไห้” เป็นต้น
๖. คำว่า “ว่า” เมื่อนำมาใช้เชื่อมระหว่างประโยคก็จัดเป็นคำสันธาน เช่น “หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่ามีการกวาดล้างพวกมิจฉาชีพครั้งใหญ่” เป็นต้น
๗. คำประพันธสรรพนามหรือคำสรรพนามเชื่อมประโยค คือ คำว่า “ผู้ ที่ ซึ่ง อัน” จัดเป็นคำสันธานด้วย
- สตรีผู้มีความงามย่อมเป็นที่สนใจของคนทั่วไป
- คนที่กำลังเล่นกีตาร์นั่นเป็นพี่ชายของวี
ที่มา:มหาวิทยาลัยมหาสารคาม,http://www.myfirstbrain.com/viewpopup2.aspx?IDs=23124
ประลองยุทธ
ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องเพียงคำตอบเดียว
๑. คำประพันธ์ต่อไปนี้ข้อใดไม่มีคำสันธาน
ก. สินสมุทรสุดจะคิดถึงบิตุเรศ
ข. ไม่สังเกตกลศึกให้นึกขาม
ค. จะว่าใครขัดข้องก็ตรองดู
ง. ก็เขินขวยเพราะไม่เคยเชยถนอน
๒. สำนวนไทยข้อใดมีคำสันธาน
ก. ถี่ลอดตาช้างห่างลอดตาเล็น
ข. น้ำตาลใกล้มดใครจะอดได้
ค. พบไม้งามเมื่อขวานบิ่น
ง. น้ำขุ่นไว้ในน้ำใสไว้นอก
3. สำนวนใดเป็นประโยคความเดียว
ก. ได้แกงเทน้ำพริก
ข. ตีป่าให้เสือกลัว
ค. ทำคุณบูชาโทษ
ง. ลูกไก่อยู่ในกำมือ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)